7 สิ่งที่ ‘5G’ จะเข้ามาพลิกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่
ตอนนี้ทุกประเทศต่างกำลังมุ่งการพัฒนา 5G อย่างเต็มกำลัง ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าการมาของ 5G นั้นมันสำคัญยังไง แล้วมันจะแตกต่างกับการมาของ 4G อย่างไร แค่อินเทอร์เน็ตที่เร็วแรงขึ้นอย่างเดียวหรือเปล่า ? จริง ๆ 5G นั้นมีรายละเอียดที่มากมาย แต่ถ้าเอาใกล้ตัวใกล้ใจของเราก็มี 7 สิ่งที่ 5G จะช่วยเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราได้เลยล่ะครับ
1. Smart City หรือ เมืองอัจฉริยะ
Smart City ฟังดูแล้วนึกภาพยากไปหน่อยว่าจะเป็นยังไง ถ้าเริ่มจากสิ่งรอบตัวก็อย่าง ‘ตู้เย็น’ ที่จะสามารถพูดคุยกับผู้ช่วยอัจฉริยะต่าง ๆ และสามารถควบคุมผ่านคำสั่งเสียงของเราเอง หรือแม้แต่สัญญาณจราจรต่าง ๆ ก็สามารถส่งการแจ้งเตือนมาที่หน้าปัดรถของเราได้ทันที หรือบางครั้งที่คุณต้องการตื่นเช้า ๆ สมาร์ตวอตช์ของเราก็สามารถเตือนให้ตื่นพร้อมกับสั่งการทำงานของเครื่องทำกาแฟแบบล่วงหน้าไว้ให้เรียบร้อย มาถึงก็พร้อมดื่มได้ทันที
5G รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เสถียรและได้มากกว่า 4G โดย 4G รองรับการเชื่อมต่อได้ 2,000 อุปกรณ์ต่อ 984,000 ตารางเมตร ในขณะที่ 5G สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้นับล้าน คำว่าเมืองอัจฉริยะหรือการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้นนั้นก็ดูไม่เป็นเรื่องที่ไกลตัวอีกแล้ว
2. รถยนต์ไร้คนขับ
รถยนต์ไร้คนขับเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีจากภาพยนตร์ที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ และเพื่อให้มันสมบูรณ์ที่สุด รถยนต์ไร้คนขับต้องอาศัยเทคโนโลยี 5G เนื่องจากเวลาขับรถยนต์นั้นจำเป็นต้องใช้การตัดสินใจที่รวดเร็ว ซึ่ง 5G มีค่าความดีเลย์หรือที่เราเรียกว่าปิงต่ำ ทำให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลบน Cloud และอุปกรณ์อื่น ๆ บนท้องถนนได้อย่างรวดเร็วด้วย
แน่นอนว่าบริษัทด้านเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Tesla, Google, Apple และ Uber ต่างกำลังเร่งพัฒนา 5G เพื่อให้เกิดการใช้งานจริงได้ เราอาจไม่ต้องรอนานเกินไปที่จะเห็นรถยนต์ไร้คนขับที่มีการใช้งานอย่างจริงจังครับ
3. Augmented Reality/Virtual Reality
Virtual Reality เป็นเหมือนเทคโนโลยีที่เป็นกิมมิก และมีการโฆษณาที่หนักหน่วงมากเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่การใช้งานแบบจริงจังนั้นยังไม่มีให้เห็นมากมายนัก โดยเฉพาะปัจจุบันที่เทคโนโลยีนี้กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักหน่วง เนื่องจากอุปกรณ์ AR/VR นั้นมีขนาดใหญ่ เทอะทะ และเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดก็ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่แรง ทรงประสิทธิภาพ นอกจากนี้แอปพลิเคชันของ AR/VR ต้องการแบนด์วิดท์ที่กว้างและความละเอียดที่สูงเพื่อให้โลกเสมือนนั้นดูสมจริงมากที่สุด
ซึ่ง 5G จะเข้ามามีบทบาททำให้ AR/VR มีการแสดงผลที่สมจริงมากยิ่งขึ้น ลดความหน่วง และความงงในการใช้งาน และหากเรามองให้ข้ามเฉพาะเรื่องเกมไป AR/VR จะสามารถสร้างการโต้ตอบข้ามประเทศทั่วโลกได้เรียลไทม์มากยิ่งขึ้น อย่างเช่น การประชุมเสมือนจริงที่ไม่มีการดีเลย์เลยเป็นต้น
4. อุตสาหกรรมสตรีม
ต่อให้ไม่มีไวรัสโคโรนา บริการสตรีมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การจะดูสตรีมให้ฟินก็ต้องทีวีจอใหญ่ความละเอียดสูงระดับ 4K ที่อาศัย LAN ก็สามารถรับชมได้อย่างลื่น แต่ไม่ใช่ทุกอุปกรณ์จะสามารถทำแบบนี้ได้ ปัจจุบันความละเอียด 8K เองก็เริ่มกำลังเข้าสู่ตลาดมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่ง 5G นั้นเหมาะมากสำหรับการรับชมสตรีมผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตเพราะมีค่าดาวน์โหลดที่สูงมาก ช่วยให้เรารับชมสตรีมได้อย่างเพลิดเพลิน
5. อุตสาหกรรมเกม
ปัจจุบัน 4G มีค่าความดีเลย์หรือ Latency เฉลี่ยอยู่ที่ 70ms ในขณะที่ 5G มีค่าความดีเลย์อยู่ที่เพียง 1ms (ในทางทฤษฎี) นั่นหมายความว่าเราสามารถเล่นเกมออนไลน์ทุกสไตล์ทุกแบบไม่ว่าจะ RoV, PUBG และเกมอื่น ๆ ได้โดยที่ไม่ดีเลย์เลยสักนิดเดียวล่ะครับ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มเกมรูปแบบ Cloud อย่าง Google Stadia หรือ Microsoft xCloud จะได้รับประโยชน์จากการมาของ 5G แบบเต็ม ๆ
6. ดาวนโหลดเร็วแรง
เรื่องความเร็วในการดาวน์โหลดนับเป็นสิ่งที่แน่นอน โดย 5G มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงกว่า 4G ถึง 20% ในบางประเทศปรากฏว่า 5G นั้นเร็วยิ่งกว่า Wi-Fi เสียด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าความเร็วระดับ broadband ที่พกพาไปได้ทุกทีกำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
7. 5G กับด้านสุขภาพ
5G จะช่วยยกระดับการรักษาทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่าง อุปกรณ์ตรวจสุขภาพ เครื่องคัดกรอง เครื่องมือสำหรับวินิจฉัยโรค และยังสามารถใช้ควบคุมเครื่องมือทางการแพทย์จากระยะไกลได้โดยไม่มีการดีเลย์เนื่องจากค่า Latency ที่ต่ำของ 5G อย่างเช่น การผ่าตัดทางไกล เป็นต้น
ที่มา - PhoneArena, beartai